เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสมบัติ คุรุพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายสมพงษ์ ชาตะวิถี อธิการบดีสถาบันการพลศึกษา (สพล.) ร่วมกันแถลงข่าวการจัดทำหลักสูตรมาตรฐานศิลปะมวยไทย 9 ขั้น ของสถาบันการพลศึกษาสู่เวทีโลก สำหรับหลักสูตรดังกล่าว เพื่อให้การเรียนศิลปะมวยไทยเป็นไปอย่างมีระบบ
โดยระบบการเรียนตามหลักสูตรศิลปะมวยไทยจะมีทั้งหมด 9 ขั้น เริ่มตั้งแต่ ขั้นที่ 1 สายขาว, ขั้นที่ 2 สายเหลือง, ขั้นที่ 3 สายเขียว, ขั้นที่ 4 สายฟ้า, ขั้นที่ 5 สายน้ำเงิน, ขั้นที่ 6 สายน้ำตาล, ขั้นที่ 7 สายส้ม, ขั้นที่ 8 สายแดง และขั้นที่ 9 สายดำ ซึ่งในแต่ละขั้นจะมีการเรียนการสอนจำนวน 36 ชั่วโมง และมีการสอบเพื่อเลื่อนขั้น รวมทั้ง 9 ขั้น จะใช้เวลา 324 ชั่วโมง กำหนดจัดการเรียนการสอนทุก 3 เดือน ซึ่งหากสอบผ่านทุกขั้น จะได้รับใบประกาศนียบัตรที่รับรองโดยสถาบันการพลศึกษา
Thai boxing มาตรฐานมวยไทยทั่วโลก "โทนี่ จา" พรีเซ็นเตอร์
โครงสร้างของหลักสูตรมาตรฐานศิลปะมวยไทย 9 ขั้น จะมีหัวข้อตามแผนการสอน 7 หัวข้อหลัก ดังนี้
1. ทักษะการเคลื่อนเท้า
2. การไหว้ครูมวยไทย
3. ทักษะมวยไทย
4. ทักษะมวยไทย การใช้มือเป็นอาวุธ (หมัด-ศอก)
5. ทักษะมวยไทย การใช้เท้าเป็นอาวุธ (ถีบ, เตะ, เข่า)
6. กระบวนท่ายุทธมวยไทย ทักษะการต่อสู้ รุก-รับ
7. การต่อสู้แบบอิสระ (อนันตยุทธ์ มวยไทย)
นายสมพงษ์กล่าวว่า จุดประสงค์ของหลักสูตรดังกล่าว เพื่ออนุรักษ์ศิลปะแม่ไม้มวยไทยให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก รวมทั้งจะบรรจุการเรียนการสอนหลักสูตรมาตรฐานนำร่องในสถานศึกษา สังกัดสถาบันการพลศึกษาทั่วประเทศ และจะเผยแพร่ผ่านหน่วยงานที่มีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันการพลศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวนกว่า 40 ประเทศด้วย คาดว่าภายใน 3 เดือน จะสามารถเปิดรับสมัครได้ โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเข้ามาโดยตรงได้ที่สถาบันการพลศึกษา หรือติดตามข้อมูลข่าวสารได้ทางเว็บไซต์ www.ipe.ac.th
“สพล. จะใช้ศิษย์เก่าและปัจจุบัน อาทิ จา-พนม ยีรัมย์ หรือ “โทนี่ จา” นักแสดงชื่อดัง หรือนักศึกษาจากวิทยาเขตมหาสารคาม ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศประกวดนาฏมวยไทย เป็นพรีเซ็นเตอร์นำเสนอหลักสูตรมาตรฐานศิลปะมวยไทยของ สพล.สู่เวทีตลาดโลก รวมทั้งจัดทำศูนย์มวยไทยร่วมกับหน่วยงานทั้งในประเทศและในต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีหลายประเทศให้ความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมแล้ว อาทิ อังกฤษ, คิวบา, จีน, เวียดนาม ฯลฯ
ที่มา http://news.ohohey.com
แสดงความคิดเห็น